กลองไฟฟ้าทำให้สกิลกลองแย่ลงจริงไหม?
อัปเดตล่าสุด : 18/12/2025
ในโลกดนตรีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลายคนเริ่มหันมาฝึกกลองไฟฟ้ากันมากขึ้นเพราะราคาที่เข้าถึงง่าย เสียงเบา เล่นในคอนโดได้ แถมฟีเจอร์จัดเต็มจนทำให้การซ้อมสะดวกขึ้นหลายเท่าแต่คำถามหนึ่งที่ยังคาใจมือกลองจำนวนมากเสมอคือ“กลองไฟฟ้าทำให้สกิลกลองแย่ลงจริงไหม?”หรือมันเป็นเพียงความเชื่อเก่าที่ติดมาในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้ามากพอ?บทความนี้จะพาคุณวิเคราะห์แบบตรงไปตรงมา ว่ากลองไฟฟ้าส่งผลต่อสกิลอย่างไร ทั้งข้อดี ข้อจำกัด และวิธีฝึกให้เก่งขึ้นจริงไม่ว่าจะใช้ชุดแบบไหนก็ตาม
 
1. ทำไมหลายคนถึงคิดว่ากลองไฟฟ้าทำให้สกิลแย่ลง?
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเชื่อนี้ มักมาจากความแตกต่างระหว่าง “สัมผัส” และ “แรงตอบสนอง” ของกลองไฟฟ้ากับกลองอะคูสติก เช่น
-แป้นเมชมีเด้งมากกว่า ทำให้ลงน้ำหนักง่ายขึ้น
 
-เสียงถูกประมวลผล ทำให้เล่นเบา–แรงแล้วฟังชัดเกินจริง
 
-ฮาร์ดแวร์บางรุ่นไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนมะระหรือแป้นสแนร์จริงสิ่งเหล่านี้อาจทำให้มือกลองบางคน พัฒนาน้ำหนักมือไม่แม่นยำ หรือ ตีเบากว่าเมื่อไปเล่นกลองจริงแต่…ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเจอผลลบแบบนี้เสมอไป
 
2. ข้อดีที่กลองไฟฟ้าช่วยเพิ่มสกิลได้จริง
แม้จะมีข้อจำกัด แต่กลองไฟฟ้าก็มีข้อดีระดับ “โกง” สำหรับการพัฒนาฝีมือ เช่น
-ซ้อมได้ทุกเวลา ทำให้ความสม่ำเสมอเพิ่มขึ้น ซึ่งสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนา
 
-คลิกเมโทรนอมในตัว ช่วยให้คุมสปีดและจังหวะดีขึ้นอย่างมาก
 
-ระบบโค้ช/ตัวช่วยฝึกในโมดูล ที่บางรุ่นวิเคราะห์จังหวะหรือความแม่นยำได้
 
-เสียงที่หลากหลาย เปิดประสบการณ์ให้ลองเล่นแนวต่าง ๆ โดยไม่ต้องซื้อกลองหลายชุด
 
-ฝึกแบบบันทึกเสียงตัวเองได้ทันที ทำให้รู้ข้อผิดพลาดเร็วขึ้น
 
หลายมือกลองระดับโปรยังใช้กลองไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ฝึกหลัก เพราะมันช่วยเรื่อง “ความแม่น” และ “ความสม่ำเสมอ” ได้ดีกว่ากลองจริงด้วยซ้ำ
 
3. ความจริงคือ…ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ ไม่ใช่ชนิดของกลอง
กลองไฟฟ้า “อาจ” ทำให้สกิลไม่พัฒนาหรือแย่ลง ถ้า…
-พึ่งแป้นที่เด้งจนเกินไปและตีแรง–เบาไม่ค่อยใส่ใจ
 
-ใช้เสียงช่วย เช่น เปิดรีเวิร์บหนัก ๆ จนฟังดีเกินจริง
 
-ไม่เคยออกไปลองตีอะคูสติกเลย
 
-ซ้อมแบบเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่พัฒนาไดนามิกหรือเทคนิค
 
แต่ถ้าคุณฝึกแบบมีเป้าหมาย กลองไฟฟ้าก็แทบไม่มีผลเสียเลยและส่วนใหญ่ผลลบเกิดจาก “พฤติกรรมการฝึก” มากกว่าเครื่องดนตรีเอง
 
4. วิธีใช้กลองไฟฟ้าให้พัฒนาฝีมือแบบไม่ต้องกลัวแย่ลง
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ลองใช้เทคนิคเหล่านี้:
✅ ฝึกไดนามิกอย่างเคร่งครัด
ลองฝึก ghost note, accent และการควบคุมน้ำหนักปิดเสียงเอฟเฟกต์เว่อร์ ๆ เพื่อฟังความแตกต่างชัดขึ้น
 
✅ ลดค่าความไวแป้น (Sensitivity)
ทำให้ต้องออกแรงจริงขึ้น คล้ายกลองอะคูสติกเหมาะกับคนที่รู้สึกว่าแป้นเด้งเกินไป
 
✅ ซ้อมบนแป้นซ้อมควบคู่
ฝึกสแนร์บนแป้นยางหรือ pad แบบไม่เด้ง ช่วยบาลานซ์ฟีลการตี
 
✅ หมั่นไปลองตีอะคูสติก
เดือนละครั้งก็ยังดี ให้สมองจำแรงสะท้อนจริงเวลาขึ้นเวทีจะไม่งงฟีลของมะระ สแนร์ หรือฟลอร์
 
✅ บันทึกเสียงและวิเคราะห์
ใช้ฟังก์ชัน recording ที่มีในโมดูลหรืออัดเข้าคอมคุณจะได้เห็นจังหวะที่เพี้ยน หรือการตีน้ำหนักที่ไม่สม่ำเสมอได้ชัดเจนขึ้น

 
5. นักดนตรีระดับโลกส่วนใหญ่ใช้ทั้งสองแบบ
เบื้องหลังศิลปินหลายคน—โดยเฉพาะมือกลองสายทัวร์หรือสตูดิโอ—ใช้กลองไฟฟ้าซ้อมประจำ เพราะมัน เสถียร คุมเสียงได้ ฝึกเทคนิคได้แม่น ใช้เวลาว่างเล็ก ๆ ซ้อมได้ตลอดวัน การใช้กลองไฟฟ้าไม่ได้ทำให้เก่งน้อยลงเลย ตรงกันข้าม มันช่วยเพิ่มความแม่นยำและระเบียบวินัยในการซ้อมอย่างมาก

 
สรุป
กลองไฟฟ้าไม่ได้ทำให้สกิลกลองแย่ลง…ถ้าคุณใช้มันอย่างถูกวิธี” กลองไฟฟ้ามีข้อจำกัดในด้านฟีลสัมผัสและแรงดีดคืน แต่ก็มีข้อดีหลายอย่างที่ช่วยให้พัฒนาเร็วขึ้นกว่าฝึกแต่กลองจริงด้วยซ้ำ เช่น ความแม่นยำ จังหวะ และความสม่ำเสมอในการฝึกสุดท้ายแล้ว สิ่งที่กำหนดว่าคุณจะเก่งขึ้นหรือไม่ ไม่ใช่ชนิดของกลอง แต่คือ ✔ วิธีการซ้อม ✔ ความตั้งใจ ✔ การฝึกอย่างสม่ำเสมอ ✔ การเปิดใจเรียนรู้ทั้งกลองไฟฟ้าและอะคูสติกถ้าฝึกเป็นและรู้จักปรับการซ้อมให้เหมาะสมกลองไฟฟ้าจะกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ทำให้คุณเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดได้เลย