กลองไฟฟ้าเหมาะกับการอัดเพลงจริงไหม หรือควรใช้กลองอะคูสติกเท่านั้น
อัปเดตล่าสุด : 18/12/2025
ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถสร้างโฮมสตูดิโอได้ด้วยงบเพียงไม่กี่พันบาท คำถามหนึ่งที่ยังเป็นประเด็นถกเถียงเสมอในวงการดนตรีคือ “ถ้าจะอัดเพลงจริง ๆ ควรใช้กลองไฟฟ้า หรือควรใช้กลองอะคูสติกเท่านั้น?” บางคนเชื่อว่าความ “ออริจินัล” มีเฉพาะในกลองอะคูสติกเท่านั้นขณะที่อีกฝั่งมองว่ากลองไฟฟ้าสมัยนี้เสียงสมจริงจนแยกแทบไม่ออกแล้วแล้วสรุปอะไรคือคำตอบที่ใช่? บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกมุม—ข้อดี ข้อเสีย การใช้งานที่เหมาะสม พร้อมคำแนะนำแบบเข้าใจง่ายสำหรับทั้งมือใหม่และสายโปรครับ
 
กลองไฟฟ้ากับการอัดเพลง: เทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลกว่าที่คิด
ในอดีตเสียงกลองไฟฟ้ามักฟังดูเป็นพลาสติก แข็ง และไม่เป็นธรรมชาติแต่ในยุคปัจจุบัน โมดูลกลองระดับกลางขึ้นไปของ Roland, Yamaha, Alesis หรือแม้แต่ Sample Library อย่าง Superior Drummer, EZdrummer, GetGood Drums ให้เสียงที่สมจริงกว่าเดิมมาก ทั้งไดนามิก การตอบสนอง และความละเอียดของตัวอย่างเสียง (Sample) ทำให้กลองไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกที่ใช้ในงานจริงได้อย่างไม่ต้องเขินอาย

 
ข้อดีของการใช้กลองไฟฟ้าในการอัดเพลง
1. ควบคุมเสียงง่าย ไม่ต้องใช้ไมค์หลายตัว
การอัดกลองอะคูสติกต้องใช้ไมค์ 8–12 ตัวขึ้นไป + ห้อง + เทคนิควิศวกรแต่กลองไฟฟ้าแค่ต่อ USB หรือ Line Out ก็พร้อมใช้งานทันทีเหมาะกับสตูดิโอเล็ก หรือห้องคอนโดที่ไม่สามารถทำอะคูสติกได้เต็มรูปแบบ
 
2. ปรับแต่งเสียงได้ไม่จำกัด
อยากให้กระเดื่องหนา ฉาบคม สแนร์แห้งหรือชื้นสามารถเปลี่ยนเสียง, Layer Sample, ปรับ Pitch, ปรับ Reverb ได้หมดเหมือนได้เซ็ตกลองใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์จริง
 
3. แก้ไขโน้ต (MIDI) ได้ง่าย
ถ้าตีกระเดื่องพลาดหนึ่งช่อง ก็ลาก MIDI แก้ได้สามารถไล่ Timing, Quantize, หรือแก้ Velocity ให้สมจริงขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่กลองอะคูสติก “ทำไม่ได้” ยกเว้นจะอัดใหม่
 
4. ทำงานเงียบ เหมาะกับทุกพื้นที่
ต่อหูฟังแล้วซ้อมหรืออัดได้แบบไม่ต้องกังวลเพื่อนบ้านข้อดีนี้ทำให้มือกลองที่อยู่คอนโดสามารถผลิตงานได้จริงจังมากขึ้น
 
5. ใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ได้หลากหลาย
สามารถอัดผ่าน DAW, ต่อ VST, ทำ Sampling, สร้าง Presetเป็นโซลูชันที่ยืดหยุ่นมากสำหรับโปรดิวเซอร์ยุคนี้
 
ข้อเสียของกลองไฟฟ้าในการอัดเพลง
1. ฟีลลิ่งบางอย่างไม่เหมือนของจริง
ถึงแม้แพดเมชจะพัฒนาไปมาก แต่ “การเด้งของแป้น” และ “การสั่นของฮาร์ดแวร์”ยังไม่เหมือนกลองอะคูสติก 100%มือกลองบางคนอาจรู้สึกว่าขาดความเป็นธรรมชาติ
 
2. เสียงบางแนวอาจยังสู้อะคูสติกไม่ได้
โดยเฉพาะเพลง Rock, Metal, Punk ที่ต้องการอารมณ์แบบดิบ ๆ และไดนามิกกว้างกลองอะคูสติกยังให้พลังและ Character เฉพาะตัวที่กลองไฟฟ้าจำลองได้ยาก
 
3. ต้องใช้ทักษะ Mix รายการ
แม้จะได้ MIDI ที่แก้ไขง่าย แต่การทำให้เสียง “เหมือนจริง” ก็ต้องรู้วิธี Mixเช่นการเพิ่ม Overhead, Room Reverb, Humanize Velocityไม่งั้นเสียงจะฟังดูนิ่งเกินไป
 
แล้วควรเลือกอัดด้วยอะไรดี? (สรุปเป็นสถานการณ์)
✔ เหมาะใช้กลองไฟฟ้า ถ้า…
-ทำเพลงที่ต้องการความสะอาด เช่น Pop, R&B, EDM
 
-มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่หรือเสียงรบกวน
 
-ไม่มีงบสำหรับไมค์และสตูดิโอกลองแบบเต็มรูปแบบ
 
-ต้องการแก้ไข Timing หรือ Velocity ง่าย ๆ
 
-ทำเพลงเองในบ้านหรือโฮมสตูดิโอ
 
✔ เหมาะใช้กลองอะคูสติก ถ้า…
-ทำเพลง Rock, Live Session, เพลงที่ต้องการพลัง
 
-ต้องการ Character เฉพาะของกลองจริง
 
-มีห้องอัดที่เหมาะสมกับการบันทึกเสียง
 
-มีวิศวกรเสียงหรืออุปกรณ์ไมค์พร้อมใช้งาน
 
สรุป
สุดท้ายแล้วคำถามที่ว่า “กลองไฟฟ้าเหมาะกับการอัดเพลงไหม?”คำตอบคือ เหมาะมาก และใช้งานได้จริงในยุคนี้โดยเฉพาะกับศิลปินเดี่ยว โปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ หรือมือกลองที่ต้องอัดงานในพื้นที่จำกัดอย่างไรก็ตาม กลองอะคูสติกก็ยังมีเอกลักษณ์ที่กลองไฟฟ้าแทนไม่ได้ทั้งหมดจึงไม่มีคำตอบตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับแนวดนตรี งบประมาณ และสภาพแวดล้อมของผู้ทำเพลงถ้าต้องการความยืดหยุ่น ประหยัด และแก้งานง่าย → เลือกกลองไฟฟ้า ถ้าต้องการความสมจริง อารมณ์สด คาแรกเตอร์แบบดิบ ๆ → เลือกกลองอะคูสติกในยุคนี้ดนตรีเปิดกว้างกว่าเดิมมากใช้สิ่งที่เหมาะกับคุณ และสร้างผลงานที่ดีที่สุดแบบไม่ต้องยึดติดกับความเชื่อเก่า ๆ ครับ 🎵🥁