อัปความลื่นไหลของการตีด้วยการตั้งค่า Sensitivity และ Velocity Curve
อัปเดตล่าสุด : 18/12/2025
เคยไหม…ตีเบาแล้วเสียงดังกว่าที่คิด หรือตีแรงแล้วมันไม่ “พีค” เท่าที่ควร? ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับมือกลองไฟฟ้าทุกระดับ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่า และมักทำให้การซ้อม “ไม่ลื่นไหล” เท่าที่ควร ทั้งที่จริงแล้วแค่ปรับค่าเพียง 2 อย่าง—Sensitivity และ Velocity Curve—ก็สามารถทำให้เสียงตอบสนองดีขึ้นเหมือนเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งชุด!บทความนี้จะพาคุณมารู้จักการตั้งค่าสองแบบนี้อย่างละเอียด พร้อมแนวทางการใช้จริงให้เห็นผลทันที
 
Sensitivity คืออะไร และส่งผลยังไงต่อการตี?
Sensitivity คือค่าความไวของแป้นกลองแต่ละใบ เมื่อคุณตีแผ่นเบา–แรง ระบบจะประมวลว่าต้องส่งสัญญาณระดับใดไปยังโมดูลเสียง
-ถ้าตั้ง สูงเกินไป → ตีเบาเสียงก็ดังเกินจริง, คุมไดนามิกยาก
 
-ถ้าตั้ง ต่ำเกินไป → ต้องออกแรงเยอะกว่าจะได้เสียงดัง, เล่นไม่ลื่น

ความไวนี้จึงสำคัญมาก เพราะมันทำให้ไม้กลอง “สัมพันธ์” กับเสียงที่ออกมา นี่คือจุดเริ่มต้นของความลื่นไหลที่แท้จริง
 
วิธีตั้งค่า Sensitivity ให้เหมาะกับสไตล์การตีของคุณ
-เริ่มที่ค่ากลางของโมดูล (เช่น 10/20 หรือ 5/10 ขึ้นอยู่กับแบรนด์)
 
-ตีในระดับเสียงเบา–กลาง–แรง แล้วสังเกตว่าเสียงตอบสนองสมจริงหรือไม่
 
-หากตีเบาแล้วเสียงยังดังมาก → ลด Sensitivity ลง
 
-หากตีแรงแล้วยังไม่พีค → เพิ่ม Sensitivity ขึ้นเล็กน้อย
 
-ทดสอบไฮแฮทเป็นพิเศษ เพราะเป็นแผ่นที่ใช้ไดนามิกมากที่สุด
 
ทริคพิเศษ: มือกลองที่เล่นเพลงร็อก มักตั้ง Sensitivity ต่ำกว่าแนวป๊อปหรือแจ๊ส เพื่อให้ตีแรงแล้วไม่ “คลิป” หรือเสียไดนามิกตอนลงไม้หนัก ๆ
 
Velocity Curve คืออะไร?
Velocity Curve คือเส้นกำหนด “รูปแบบการตอบสนองของเสียงตามแรงที่ตี”แม้ Sensitivity จะกำหนดความไว แต่ Velocity Curve จะเป็นตัวกำหนด “บุคลิก” ของการตอบสนอง
 
ประเภทของ Velocity Curve ที่พบบ่อย
Linear (เส้นตรง)
-ตีแรงขึ้น → เสียงเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
 
-เหมาะกับคนที่ชอบความสมจริงแบบอะคูสติก
 
Exponential (โค้งขึ้น)
-ตีเบาเสียงออกเบามาก แต่พอตีแรงจะพุ่งขึ้นแบบชัดเจน
 
-เหมาะสำหรับเพลงที่ต้องการไดนามิกจัดจ้าน
 
Logarithmic (โค้งลง)
-ตีเบาก็ได้เสียงค่อนข้างดังขึ้นง่าย
 
-ดีต่อมือใหม่ที่ควบคุมแรงตีไม่ค่อยนิ่ง
 
Soft / Hard Curve
-Soft = ตีเบาก็ออกเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
 
-Hard = ต้องตีแรงถึงจะได้เสียงที่ดังเต็มที่
 
-ปรับตามความถนัดและความแข็งของไม้กลองที่ใช้
 
เลือก Curve แบบไหนให้ “ลื่น” ที่สุด?
ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบให้ไม้ตอบสนองแบบไหน ลองดูแนวทางนี้:
-สายฟีลอะคูสติกจริง → Linear
 
-สายตีกลองคอนเทนต์, TikTok, เพลงเร็ว → Exponential (ให้เสียงพุ่ง ฉะฉาน)
 
-สายมือเบา มือใหม่ → Log หรือ Soft Curve
 
-สายร็อกหนัก ๆ → Hard Curve เพื่อลดการคลิปและควบคุมเสียงได้ชัดเจน
 
สิ่งสำคัญคือ “ไม่มีสูตรตายตัว” มันขึ้นอยู่กับไม้กลอง แผ่นกลอง ความแรงไม้ และหูของผู้เล่น
 
ข้อควรระวังในการปรับ
-อย่าปรับแรงเกินจนรู้สึกว่า “ไม้ตอบไม่ตรงมือ”
 
-แต่ละแผ่นควรตั้งต่างกัน เช่น สแนร์, ทอม, ฉาบ ตอบสนองไม่เท่ากัน
 
-ปรับทีละ 1–2 ระดับแล้วทดสอบก่อนเพิ่ม
 
-บางโมดูลเสียงมี Delay/Scan Time ที่ส่งผล ให้ตรวจสอบควบคู่ด้วย
 
สรุป
การปรับ Sensitivity และ Velocity Curve คือหัวใจสำคัญในการทำให้กลองไฟฟ้า “ลื่น” และตอบสนองนิ้วไม้ของคุณอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดเมื่อปรับทั้งสองอย่างให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะซ้อม เล่นสด อัดคลิป หรือทำเพลง ก็จะได้สัมผัสความลื่นไหลแบบที่ทำให้คุณรู้สึกว่ากลองชุดนี้ “เป็นส่วนหนึ่งของมือคุณจริง ๆ”