10 วงดนตรีดังที่ใช้กลองไฟฟ้าในผลงานเพลง
อัปเดตล่าสุด : 14/06/2025
ในวงการดนตรีปัจจุบัน กลองไฟฟ้าไม่ได้เป็นแค่ตัวเลือกสำรองสำหรับการซ้อมหรือการแสดงในพื้นที่จำกัดอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นเครื่องดนตรีสำคัญที่ถูกนำมาใช้สร้างสรรค์เสียงใหม่ ๆ ในผลงานเพลงระดับโลก วงดนตรีหลายวงเลือกใช้กลองไฟฟ้าเพื่อเพิ่มมิติของเสียงที่หลากหลาย นี่คือ 10 วงดนตรีดังที่นำกลองไฟฟ้ามาใช้ในผลงานเพลงจนสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 
1.Depeche Mode
วงดนตรีแนว Synth-pop ชื่อดังที่ใช้กลองไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเสียงที่ล้ำยุคและแปลกใหม่ เพลงฮิตอย่าง “Enjoy the Silence” และ “Personal Jesus” มีจังหวะกลองที่เน้นเสียงอิเล็กทรอนิกส์อย่างเด่นชัด
 
2.Radiohead
Radiohead ใช้กลองไฟฟ้าเพื่อเพิ่มบรรยากาศในเพลง เช่นในอัลบั้ม Kid A และ In Rainbows ที่ผสมผสานเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์กับกลองไฟฟ้าได้อย่างลงตัว
Nine Inch Nails

3.Nine Inch Nails
วงแนว Industrial Rock อย่าง Nine Inch Nails ใช้กลองไฟฟ้าในการสร้างเสียงจังหวะที่หนักแน่นและโดดเด่นในเพลง เช่น “Closer” และ “Hurt”
The Cure

4.The Cure
ในช่วงยุค 80s วง The Cure ได้ผสมผสานเสียงจากกลองไฟฟ้าเข้ากับเพลงแนว Gothic Rock ของพวกเขา เพลงอย่าง “A Forest” ใช้กลองไฟฟ้าเพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหล
Muse

5.Muse
เป็นวงที่ใช้กลองไฟฟ้าเพื่อเพิ่มพลังเสียงในเพลงแนว Alternative Rock ของพวกเขา โดยเฉพาะในการแสดงสด เช่น เพลง “Madness” ที่ใช้เสียงจากกลองไฟฟ้าเพื่อสร้างจังหวะที่น่าตื่นตาตื่นใจ
 
6.Phil Collins
Phil Collins นักร้องและมือกลองชื่อดัง ใช้กลองไฟฟ้าในเพลงระดับตำนานอย่าง “In the Air Tonight” ซึ่งเสียงกลองไฟฟ้าในเพลงนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่คนทั่วโลกจดจำ
New Order

7.New Order
ใช้กลองไฟฟ้าเป็นเครื่องมือสำคัญในเพลงแนว Dance Rock ของพวกเขา เช่น “Blue Monday” ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาล
Linkin Park

8.Linkin Park
ในอัลบั้ม A Thousand Suns วง Linkin Park ได้ใช้กลองไฟฟ้าเพื่อสร้างเสียงที่แปลกใหม่ในเพลง เช่น “The Catalyst” ที่แสดงถึงการผสมผสานระหว่างดนตรีร็อกและอิเล็กทรอนิกส์
The Human League

9.Synth-pop
วง Synth-pop ชื่อดังอย่าง The Human League ใช้กลองไฟฟ้าเพื่อสร้างจังหวะที่กลมกลืนกับเสียงซินธิไซเซอร์ เช่นในเพลง “Don’t You Want Me”
Daft Punk

10.Daft Punk
ใช้กลองไฟฟ้าในการสร้างเสียงจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์ในเพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์ เช่น “Around the World” และ “Harder, Better, Faster, Stronger”
 
สรุป
การใช้กลองไฟฟ้าของวงดนตรีเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและศักยภาพของกลองไฟฟ้าในการสร้างเสียงดนตรีที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเล่นเพลงแนวใด กลองไฟฟ้าก็สามารถตอบโจทย์และช่วยให้คุณก้าวข้ามข้อจำกัดของเสียงดนตรีแบบเดิม ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์